หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ครูผู้ดูแลเด็ก...... สู่วิทยฐานะ "ชำนาญการ"

ณ วันนี้(14 ธันวาคม 2556)  จะมีครูผู้ดูแลเด็กจำนวนหลายพันคน ได้รับการบรรจุแต่งตั้งฯ จาก"ครูผู้ช่วย"(ครูผู้ดูแลเด็กอันดับครูผู้ช่วย)
ให้ดำรงตำแหน่ง "ครู"(ครูผู้ดูแลเด็กอันดับ คศ.1)
และ...หากนับต่อเนื่องไปอีก 4 ปี ก็จะมีครูผู้ดูแลเด็กจำนวนหนึ่งที่จบปริญญาโททางการศึกษา ได้รับการเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง"ครูผู้ดูแลเด็กอันดับ คศ.2" ได้รับเงินวิทยฐานะเดือนละ 3,500 บาท
ส่วนท่านที่จบปริญญาตรี จะต้องใช้เวลา 6 ปี
 จึงจะได้รับการเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง"ครูผู้ดูแลเด็กอันดับ คศ.2" ได้รับเงินวิทยฐานะเดือนละ 3,500 บาท เช่นกัน
การที่จะได้รับการเลื่อนและแต่งตั้งฯให้ได้รับเงินวิทยฐานะ 3,500 บาท นั้น ไม่ง่าย...และก็คงไม่ยากเกินกว่าที่ท่านจะทำได้ !?? ซึ่งท่านจะต้องยื่นคำขอและเตรียมผลงานย้อนหลัง 2 ปี ติดต่อกัน(นับถึงวันที่ยื่นคำขอ) ท่านจะรอ...อีก 2 ปี หรือ 4 ปี ค่อยทำ หรือจะเริ่มวันนี้ก็อยู่ที่ท่านจะเลือก หากท่านคิดที่จะทำก็ควรศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการฯ...
 หลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะครูชำนาญการ
1. ผู้ขอมีวิทยฐานะครูชำนาญการ ต้องมีคุณสมบัติ ต่อไปนี้
    1.1 ดำรงตำ แหน่งครูมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ปีสำ หรับผู้มีวุฒิปริญญาตรี 4 ปีสำหรับผู้มีวุฒิปริญญาโท และ2 ปีสำหรับผู้มีวุฒิปริญญาเอก นับถึงวันที่ยื่นคำขอ หรือดำรงตำแหน่งอื่นที่ ก.ค.ศ. เทียบเท่า
    1.2 มีภาระงานสอนไม่ต่ำกว่าภาระงานขั้นต่ำตามที่ส่วนราชการต้นสังกัดกำหนด โดยความเห็นชอบของ ก.ค.ศ.
    1.3 ได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบด้านการเรียนการสอนและการพัฒนาผู้เรียนย้อนหลัง 2 ปีติดต่อกัน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ 
2. ผู้ขอต้องผ่านการประเมิน 3 ด้าน ดังนี้

    ด้านที่ 1 ด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ พิจารณาจากข้อมูลของบุคคลและหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเอกสารหลักฐาน ดังนี้
        ส่วนที่ 1 ประวัติการรับราชการ (ก.พ.7)
        ส่วนที่ 2 คำรับรองของผู้บังคับบัญชา และคณะกรรมการสถานศึกษา
        ส่วนที่ 3 เอกสารหลักฐานที่แสดงการมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ
    ด้านที่ 2 ด้านความรู้ความสามารถ พิจารณาจากการพัฒนางานในหน้าที่และการพัฒนาตนเอง ดังนี้
        ส่วนที่ 1 การเป็นผู้มีความสามารถในการจัดการเรียนการสอนพิจารณาจาก หลักสูตร แผนการจัดการเรียนรู้ สื่อ/นวัตกรรม แฟ้มสะสมผลงานคัดสรร
        ส่วนที่ 2 การพัฒนาตนเองเพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะในสาขาหรือกลุ่มสาระที่รับผิดชอบหรือในงานที่รับผิดชอบ พิจารณาจากการศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ ด้วยวิธีการต่างๆ ผลการทดสอบความรู้จากหน่วยงานหรือสถาบันทางวิชาการที่ ก.ค.ศ.ให้การรับรองการประมวลความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาวิชาการและวิชาชีพและการนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน และการให้บริการทางวิชาการและวิชาชีพ
        ด้านที่ 3 ด้านผลการปฏิบัติงาน พิจารณาจาก ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายงานการสังเคราะห์ผลการแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียน ผลการประเมินและหรือการทดสอบของวิชาที่สอนในระดับเขตหรือระดับประเทศ และผลการพัฒนาผู้เรียนด้านอื่นๆ โดยคำนึงถึงปริมาณ คุณภาพและสภาพของงานด้วย

3. การประเมินด้านที่ 1 และด้านที่ 2
 
ให้คณะกรรมการประเมินจากเอกสารหลักฐาน
รวมทั้งการปฏิบัติงานจริง ณ สถานศึกษา ส่วนด้านที่ 3 ให้ประเมินจากเอกสารหลักฐาน ที่ผู้ขอรับการประเมินเสนอ โดยอาจประเมินจากการปฏิบัติงานจริง ณ สถานศึกษา หรืออาจให้ผู้ขอรับการประเมินนำเสนอ และตอบข้อซักถามด้วยก็ได้ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการบันทึกข้อสังเกตเกี่ยวกับจุดเด่น จุดที่ควรพัฒนาในเรื่องที่ประเมินของผู้ขอรับการประเมินไว้ในแบบประเมินด้วย

4. การประเมินด้านที่ 1 ด้านที่ 2 และด้านที่ 3
 
ให้มีคณะกรรมการประเมิน 
3 คน ประเมินพร้อมกันทั้ง 3 ด้าน และให้ดำเนินการภายในเวลา 3 เดือน นับแต่วันที่สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา ได้รับคำขอจากสถานศึกษา

5. เกณฑ์การตัดสิน 
ผู้ที่ผ่านเกณฑ์การประเมินต้องได้คะแนนแต่ละด้าน ดังนี้
    5.1 ด้านที่ 1 ด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ ต้องได้คะแนนจากกรรมการทั้ง 3 คน เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65
    5.2 ด้านที่ 2 ด้านความรู้ความสามารถ ต้องได้คะแนนจากกรรมการทั้ง 3 คน เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65
    5.3 ด้านที่ 3 ด้านผลการปฏิบัติงาน ต้องได้คะแนนจากกรรมการแต่ละคน ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 กรณีคณะกรรมการประเมินด้านที่ 1 ด้านที่ 2 และด้านที่ 3 มีความเห็นว่า ผลการประเมินอยู่ในวิสัยที่สามารถพัฒนาให้ผ่านเกณฑ์ได้ ให้พัฒนาได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 3 เดือน

6. การพิจารณาอนุมัติผลการประเมินเพื่อให้มีวิทยฐานะครูชำนาญการ
 
ให้ อ.ก.ค.ศ.
เขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้อนุมัติ มีผลไม่ก่อนวันที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้รับคำขอและเอกสารครบถ้วนสมบูรณ์ กรณีที่มีการพัฒนาไม่ว่าด้านใดก็ตาม ให้อนุมัติได้ไม่ก่อนวันที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ได้รับหนังสือที่ส่งรายละเอียดในการพัฒนาครบถ้วนสมบูรณ์ครั้งหลังสุด

7. เมื่อ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาผลการประเมิน และมีมติเป็นประการใดแล้ว
ให้ถือเป็นอันสิ้นสุด

8. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ให้หมายความรวมถึง ส่วนราชการด้วย และ อ.ก.ค.ศ.
เขตพื้นที่การศึกษา ให้หมายความรวมถึง อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้งด้วย
วิธีการ
1. ให้ผู้ประสงค์ขอรับการประเมินยื่นคำขอได้ตลอดปี รอบปีละ 1 ครั้ง โดยส่งคำขอพร้อมทั้งผลการปฏิบัติงาน(ด้านที่ 3) ซึ่งเป็นเอกสารผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน จำนวน 4 ชุด ต่อผู้บังคับบัญชาชั้นต้น เพื่อตรวจสอบและรับรองแล้วเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับ ถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กรณีผู้ที่จะเกษียณอายุราชการให้ยื่นคำขอพร้อมทั้งผลการปฏิบัติงาน(ด้านที่ 3) ซึ่งเป็นเอกสารผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน จำ นวน 4 ชุด ต่อผู้บังคับบัญชาชั้นต้น
เพื่อตรวจสอบและรับรองแล้วเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับ ถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ ไม่น้อยกว่า 6 เดือน

2. ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรวจสอบคุณสมบัติและเอกสารหลักฐาน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด และนำเสนอ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณา

3. ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาตั้งคณะกรรมการประเมินด้านที่ 1 คือ ด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ ด้านที่ 2 คือ ด้านความรู้ความสามารถและด้านที่ 3 คือ ด้านผลการปฏิบัติงาน จำนวน 3 คน ประกอบด้วย ผู้อำนวยการถานศึกษาของผู้ขอรับการประเมิน ผู้ทรงคุณวุฒินอกสถานศึกษานั้นที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมจำนวน 1 คน และข้าราชการครูที่มีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าวิทยฐานะครูชำนาญการ และเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์สอดคล้องกับความรับผิดชอบของผู้ขอรับการประเมิน จำนวน 1 คน เป็นกรรมการ โดยให้ตั้งกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ

4. การประเมินด้านที่ 1 ด้านที่ 2 และด้านที่ 3
    4.1 กรณีผลการประเมินด้านใดไม่ผ่านเกณฑ์ และคณะกรรมการมีความเห็นว่าผลการประเมินอยู่ในวิสัยที่สามารถพัฒนาให้ผ่านเกณฑ์ได้ ให้คณะกรรมการประเมินแจ้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อแจ้งสถานศึกษาภายในเวลา 15 วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการประเมินแล้วเสร็จ ให้ผู้ขอรับการประเมินพัฒนาตามข้อสังเกตของคณะกรรมการภายในเวลา 3 เดือน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
    4.2 เมื่อผู้ขอรับการประเมินได้พัฒนาแล้ว ให้สถานศึกษาส่งหนังสือแจ้งรายละเอียดที่พัฒนาถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อเสนอคณะกรรมการชุดเดิมตรวจและประเมินต่อไป
    4.3 กรณีที่คณะกรรมการประเมินพิจารณารายละเอียดที่พัฒนาแล้วเห็นควรให้มีการพัฒนาเพิ่มเติม ให้แจ้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อแจ้งสถานศึกษาภายในเวลา 15 วัน
นับแต่วันที่คณะกรรมการประเมินแล้วเสร็จ ให้ผู้ขอรับการประเมินพัฒนาตามข้อสังเกตของคณะกรรมการภายในเวลา 3 เดือน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
    4.4 กรณีที่กรรมการประเมินคนเดิมไม่สามารถประเมินได้ด้วยเหตุผลใดก็ตาม ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาตั้งกรรมการแทนได้ตามที่กำหนดในวิธีการข้อ 3
    4.5 กรณีผู้ขอรับการประเมินไม่ส่งรายละเอียดการพัฒนาตามข้อสังเกตภายในเวลาที่กำหนด หรือส่งเกินเวลาที่กำหนด ถือว่าสละสิทธิ์
    4.6 กรณีผู้ขอรับการประเมินได้พัฒนาแล้ว และมีผลการประเมินไม่ผ่านเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ.กำหนด ถือว่าไม่ผ่านการประเมิน ให้เสนอ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาไม่อนุมัติและให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแจ้งผลการพิจารณาให้สถานศึกษา เพื่อแจ้งผู้ขอรับการประเมินทราบ
    4.7 กรณีผลการประเมินทั้ง 3 ด้าน ผ่านเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ.กำหนด ให้เสนอ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณาอนุมัติ

5. การแต่งตั้งให้มีวิทยฐานะครูชำนาญการ กรณี อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษามีมติอนุมัติ ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 สั่งแต่งตั้งให้มีวิทยฐานะครูชำนาญการ และให้ได้รับเงินเดือนอันดับ คศ. 2 สำหรับผู้ที่รับเงินเดือนต่ำกว่าขั้นต่ำของอันดับ คศ. 2 จะแต่งตั้งได้เมื่อรับเงินเดือนต่ำกว่าขั้นต่ำของอันดับ คศ. 2 ไม่เกิน 1 ขั้น และส่งสำเนาคำสั่ง จำนวน 1 ชุดให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ภายในเวลา 7 วัน นับแต่วันออกคำสั่ง

6. ให้ดำเนินการประเมินให้แล้วเสร็จภายในรอบระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่สำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้รับคำ ขอและเอกสารผลการปฏิบัติงาน(ด้านที่ 3) หากดำเนินการไม่แล้วเสร็จให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแจ้งสถานศึกษาเพื่อแจ้งผู้ขอรับการประเมินทราบ และเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
 สรุปการยื่นคำขอ วิทยฐานะชำนาญการ สายงานการสอน 
1. หนังสือนำส่ง 2. สำเนา ก.พ.7(ทะเบียนประวัติข้าราชการ) จำนวน 1 ฉบับ 3. แบบ ก.ค.ศ.1, ก.ค.ศ.2 และ ก.ค.ศ.3 (จำนวน 4 ชุด ส่ง 1 ชุด อีก 3 ชุดเก็บไว้ที่ศูนย์ฯเพื่อให้กรรมกำรประเมิน) 
การประเมิน-แต่งตั้งคณะกรรมการ 1 คณะ ประเมินทั้ง 3 ด้าน
ด้านที่ 1 ประเมินตามแบบ ก.ค.ศ.4 สรุปลง แบบ ก.ค.ศ.5 
ด้านที่ 2 ประเมินตามแบบ ก.ค.ศ. 6/1.1 นำมาลงแบบ ก.ค.ศ.7/1 สรุปลง แบบ ก.ค.ศ.8/1 
(เฉพาะสาขาปฐมวัย ประเมินตามแบบ ก.ค.ศ. 6/1.2 นำมาลงแบบ ก.ค.ศ.7/1 สรุปลง แบบ ก.ค.ศ.8/1) 
ด้้านที่ 3 ประเมินตามแบบ ก.ค.ศ.14/1.1 
(เฉพาะสำขำปฐมวัย ประเมินตำมแบบ ก.ค.ศ. 14/1.2) 
แล้วนำผลด้านที่ 1 ด้านที่ 2 และด้านที่ 3 มาสรุปลงในแบบ ก.ค.ศ. 15/1 
แบบประเมินที่ต้องนำส่งฯคือ แบบ ก.ค.ศ.5, แบบ ก.ค.ศ. 8/1 และ แบบ ก.ค.ศ. 15/1 นอกจากนี้ให้เก็บไว้เป็นหลักฐานที่ศูนย์ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น